top of page
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (1).jpg

ทำความรู้จัก
โรคต้อกระจก

โรคต้อกระจก คือ

โรคต้อกระจก (Cataract) คือ ภาวะที่เลนส์ตา (lens) ซึ่งควรจะใสและโปร่งใส กลับมีความขุ่นหรือขุ่นมัวทำให้มองเห็น

ภาพไม่ชัดเจน เกิดจากการเสื่อมของเลนส์ตา ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้กับทุกวัยจากหลายสาเหตุ เช่น

การบาดเจ็บที่ตา, การใช้ยาบางชนิด หรือสาเหตุจากโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน

 

ดังนั้น การตรวจพบและรักษาต้อกระจกในระยะแรกจะช่วยให้สามารถรักษาได้ง่ายและมีโอกาสฟื้นฟูการมองเห็นได้ดีขึ้นแต่

หากปล่อยทิ้งไว้นานจนต้อกระจกเสื่อมถึงขั้นที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว ก็อาจทำให้การรักษาได้ผลยากขึ้นหรือมีความเสี่ยงสูง

อาการเริ่มต้นของโรคต้อกระจก

​​

- มองเห็นภาพเบลอหรือมัว

- การมองเห็นยามกลางคืนยากขึ้น

- การมองเห็นแสงจ้าหรือแสงหลอกตา 

- การมองเห็นสีไม่สดใสเหมือนเดิม

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (3).png

ประเภทของต้อกระจก

- ต้อกระจกที่เกี่ยวข้องกับอายุ (senile cataract)

- ต้อกระจกที่เกิดจากการบาดเจ็บ (traumatic cataract)

- ต้อกระจกที่เกิดจากโรคเบาหวาน (diabetic cataract) เป็นต้น

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (5)_edited.jpg

อาการที่สามารถรักษาได้

- มองเห็นภาพเบลอหรือมัวโดยเฉพาะในสภาพแสงจ้า หรือแสงหลอกตา (Halos)

- มองเห็นแสงหลอกตาหรือแสงสะท้อนมากจนทำให้เกิดปัญหาในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขับรถ หรือทำกิจกรรมต่างๆ

- มองเห็นสีไม่สดใสเหมือนเดิม

- มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นภาพหลายภาพจากตาเดียวกัน

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (9).png

อาการที่รักษาไม่ทัน
(เมื่อโรคต้อกระจกมีความรุนแรงมาก)

 

หากโรคต้อกระจกมีความรุนแรงมากและไม่ได้รับการรักษาในระยะเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:

- ภาวะต้อกระจกที่ซับซ้อน (Complicated cataract) เช่น ต้อกระจกที่ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในตา หรือเกิดการบาดเจ็บที่ส่วนอื่นของตา

- การเสื่อมของเนื้อเยื่อในตา ที่อาจทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้หรือการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง

 

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (7).png
A997EF65-5371-4B9D-87E8-16BA1B776FB4 (1).jpg

การรักษาโรคต้อกระจก

หลักๆแล้ววิธีการรักษาโดยการผ่าตัด มี  2 แบบ ได้แก่  

1. แผลเปิดกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction) โดยนำเลนส์เดิมออกมาแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทน

ข้อเสียคือแผลค่อนข้างกว้างใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนาน 

2. ผ่าตัดด้วยการสลายต้อกระจก (Phacoemulsification) ใช้เครื่องมือเข้าไปสลายต้อที่เลนส์ตา

วิธีนี้ไม่ต้องตัดไหมสามารถกลับบ้านได้เลยหลังผ่าตัดและยังสามารถแก้ไขค่าสายตาพร้อมกับการ     

รักษาต้อกระจกได้ในคราวเดียวกัน 

 

ทั้งนี้โรคต้อกระจกไม่ใช่โรคร้ายแรงสามารถรักษาได้แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานจะเกิดอันตรายเพราภาวะแทรกซ้อนทำให้ติดเชื้อเกิดเป็น

ต้อหินหรือตาบอดได้ในที่สุด

วิธีการรักษาระยะเบื้องต้น

- การหลีกเลี่ยงแสงแดดที่แรงโดยการสวมแว่น

- กันแดด การตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ

- การควบคุมโรคเบาหวาน

- การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตา

วิธีการรักษาผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการรักษาได้

- การใช้เทคโนโลยีช่วยการมองเห็น เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชันช่วยในการขยายข้อความ, ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการอ่านข้อความ

- การดูแลตาให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการระคายเคือง

- การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น เพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน,

- การใช้ไม้เท้า หรือการมีผู้ช่วยในการเดินทาง

- การพูดคุยและให้คำแนะนำทางจิตใจ การสูญเสียการมองเห็นอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ เช่น ความเครียด, ความวิตกกังวล หรือการหดหู่

ปิดตา

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

- ใส่เสื้อสวมสบายถอดใส่ง่าย

- สระผมและล้างหน้าก่อนมาถึงโรงพยาบาล

- เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจะมีการหยอดยาชา ยาขยายม่านตา และยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าห้องผ่าตัด โดยยาชามีทั้งการหยอดยาชา

หรือฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าด้านหลังลูกตา แต่ถ้ากลัวหรือกังวลสามารถดมยาสลบทำได้

- ขณะผ่าตัดสลายต้อกระจกจะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที โดยทำในห้องผ่าตัดใหญ่ปลอดเชื้อ ผู้ป่วยจะรู้ตัวขณะผ่าตัดแต่จะรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บ

อาจมีการเห็นแสงและการขยับไปมาของแสง หรือรู้สึกโดนกดตา แต่ไม่เจ็บเหมือนโดนมีดบาด

- หลังผ่าตัดต้อกระจกเสร็จเรียบร้อย ผู้ป่วยจะพักในห้องพักฟื้นประมาณ 30 นาทีแล้วจึงกลับบ้านได้ในกรณีที่ไม่ได้ให้ยาสลบ กินยาตามที่แพทย์สั่ง

แต่ยังไม่ต้องเปิดตาหยอดยา

การดูแลรักษาหลังผ่าตัด

- สวมแว่นตากันลมหรือแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันการขยี้ตาและป้องกันการเกิดการกระทบกระเทือนที่ดวงตา 

- ก่อนนอนทุกคืนให้ครอบตาข้างที่สลายต้อกระจกด้วยฝาครอบตา เพื่อป้องกันการขยี้ตาในระหว่างการนอนอย่างน้อย 2 สัปดาห์

- ระวังอย่าให้ตาข้างนั้นโดนกระแทกโดยตรงอย่างรุนแรง

- ห้ามน้ำเข้าดวงตาโดยเด็ดขาด ตามระยะเวลาที่จักษุแพทย์กำหนด (อย่างน้อย 2 สัปดาห์)

- ป้องกันเชื้อโรคเข้าดวงตา โดยใช้น้ำเกลือและสำลีเช็ดตาแทนการล้างหน้า

- ไม่ควรสระผมด้วยตนเอง ควรนอนหงายให้ผู้อื่นสระผมให้ และในขณะสระผมควรหลับตา เพื่อป้องกันน้ำที่อาจกระเด็นเข้าดวงตาได้

- เช็ดทำความสะอาดดวงตาตามวิธีที่จักษุแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด

- ตรวจตาตามนัดของจักษุแพทย์ทุกครั้ง เช่น หลังผ่าตัด 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และทุก ๆ ปีหลังผ่าตัด

- ห้ามยกของหนัก

- ระวังเรื่องการไอ จาม หรือเบ่งแรง ๆ ท้องผูก

bottom of page